Вы находитесь на странице: 1из 4

วั นที่ วั นที่ วั นที่ วั นที่ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ เดื อน เดื อน เดื อน เดื อนที่ ที่ ที่ ที่ . .. .

ที่ . .. . · · · · วิ่ งจงกรม วิ่ งจงกรม วิ่ งจงกรม วิ่ งจงกรม


ตื่นนอนนั่งสมาธิ เช านี้กลับรูสึกปลอดโปรงขึ้นมาใหม หายใจ
ออกก็รู หายใจเขาก็ รู ชวงตนลากลมยาวสม่ําเสมอก็ รู พอ
ผานไปประมาณ ๒๐ ครั้งลมสั้นลงก็ไมปลอยใหสติตก รูทั้ ง
ยาวทั้ งสั้นอยางต อเนื่องจนกระทั่งสติเริ่มชัดตอเนื่อง ภาวะผู รู
กองลมทั้งปวงก็ ปรากฏ เห็นลมหายใจเปนสิ่งที่เขามาจนสุด
แลวตองกลั บคืนออกสูความวางไปเปนธรรมดา
ฉันคุมเวลาไว ไมใหเกินครึ่ งชั่ วโมงดวยวิธีตั้งนาฬิกาปลุกเผื่อ
เหนียว คือเปนประกันไมวาจะหลับหรือเพลินในสมาธิ นาฬิกา
ปลุกจะชวยเตือนให ลุกขึ้นเดิ นจงกรมเสียหนอย
ครึ่งชั่วโมงตามกํ าหนด ฉันก็ลุกขึ้นเดินทอมๆ ใจบอกตัวเองวา
รูอิริยาบถเดินดวยสติ ที่อบรมแลวจากอานาปานสติ แตพอ
ครบครึ่งชั่วโมงแลวสํ ารวจคุณภาพตามแนวโพชฌงค ก็ตอง
มาลงบันทึกไว ตามจริงว า ‘ทื่อ’ และ ‘แหงแลง’ เหลือเกิน แบบ
นี้ไมใชทางที่จะนําไปสูความมีสติสมบูรณอยางแนนอน เพราะ
ฉันจําไวแล ววาอาการทื่อและความแหงแลงเปนบอเกิดแหง
ความเบื่อหนายและสติชนิดมืดบอด
เขาทํ างานตามปกติ สังเกตใจตัวเองมีความกังวลหนอยๆ คล ายมีฝุนละอองนารํ าคาญเคลือบจิตอยูตลอดเวลา
อยางไรก็อดกังวลไมไดซีนา จะใหนอนใจไดอยางไรในเมื่ อไมสามารถเลื่อนขั้นขึ้นสูความมีสติรูอิ ริยาบถได
ตกเย็นฉันเขาหองฟตเนสซึ่งเปนบริการเกือบฟรีของบริษั ท ไมไดออกกํ าลังกายเสี ยนาน แถมวันนี้จิตมีความกังวล
เคลือบอยูตลอด ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่ องการปฏิบัติธรรม เลยอยากยืดเสนยืดสายให กระฉับกระเฉงเสียหนอย
แวะเวียนไปตามเครื่องออกกําลังตางๆ จนในที่สุดมาหยุดอยูกับเครื่องวิ่ง ฉันกาวยืนบนสายพานแลวปรับสป ดใหกาว
แบบไม ชาไมเร็ว ใจก็คิดอะไรไปเรื่อยเปอย เพิ่งเสร็จจากงานเลยคิดเรื่องงานเสียมาก แตดวยความที่ ชวงหลังไดฝกสติ
เนนเขาไปรูลมหายใจ พอฟุ งเรื่องงานเสร็จก็นึกขึ้นไดว านาจะรูลมเสียหนอย จึงลากลมหายใจเขายาวๆ และระบายลม
ออกสบายๆ ความเคยชินในการรูลมอยางถูกต องกอใหเกิดสติขึ้นทันใด
เพิ่งสังเกตว าความกระชุมกระชวยของร างกายมีสวนมาก ขณะที่ มีร างกายขยับเคลื่อนไหวเปนพื้นฐาน สติ รู ลมหายใจ
คลายมีความสดใสมาเสริม ฉั นจึ งตระหนั กว า ฉั นจึ งตระหนั กว า ฉั นจึ งตระหนั กว า ฉั นจึ งตระหนั กว า ‘ ‘‘ ‘สติ สติ สติ สติ ’ ’ ’ ’ อั นเป นองค แรกของโพชฌงค นั้ น สร างขึ้ นจากตรงไหนก็ ได อั นเป นองค แรกของโพชฌงค นั้ น สร างขึ้ นจากตรงไหนก็ ได อั นเป นองค แรกของโพชฌงค นั้ น สร างขึ้ นจากตรงไหนก็ ได อั นเป นองค แรกของโพชฌงค นั้ น สร างขึ้ นจากตรงไหนก็ ได เสริ ม เสริ ม เสริ ม เสริ ม
ด วยอะไรก็ ได ด วยอะไรก็ ได ด วยอะไรก็ ได ด วยอะไรก็ ได ตราบเท าที่ สิ่ งนั้ นเกื้ อกู ลต อการรู เข ามาในขอบเขตกายใจ ตราบเท าที่ สิ่ งนั้ นเกื้ อกู ลต อการรู เข ามาในขอบเขตกายใจ ตราบเท าที่ สิ่ งนั้ นเกื้ อกู ลต อการรู เข ามาในขอบเขตกายใจ ตราบเท าที่ สิ่ งนั้ นเกื้ อกู ลต อการรู เข ามาในขอบเขตกายใจ
มองยอนไป บางวันหรือบางชวง ถาฉันเคลื่ อนไหวเชื่องชาซังกะตาย จะพลอยทํ าใหสติอืดอาด ไม วองไวตามไปดวย
หากกายเซื่ องซึ ม หากกายเซื่ องซึ ม หากกายเซื่ องซึ ม หากกายเซื่ องซึ ม สติ ก็จะมี แนวโน มแห งเหี่ ยวเป นเงาตามกั น สติ ก็จะมี แนวโน มแห งเหี่ ยวเป นเงาตามกั น สติ ก็จะมี แนวโน มแห งเหี่ ยวเป นเงาตามกั น สติ ก็จะมี แนวโน มแห งเหี่ ยวเป นเงาตามกั น
ฉันเรงสปดสายพานใหเร็ วขึ้นจนตัวโยกไปโยกมา พอรู สึกวาความ
กระฉับกระเฉงชวยปรุงสติ ใหเขมขนขึ้นเลยไดใจ จะเอาใหญ วิ่งไปพัก
หนึ่งก็ลดสปดลง สั งเกตว ากายที่ โยกโคลงและเกร็ งกํ าลั งแรงเกิ น สั งเกตว ากายที่ โยกโคลงและเกร็ งกํ าลั งแรงเกิ น สั งเกตว ากายที่ โยกโคลงและเกร็ งกํ าลั งแรงเกิ น สั งเกตว ากายที่ โยกโคลงและเกร็ งกํ าลั งแรงเกิ นพอดี นั้ น พอดี นั้ น พอดี นั้ น พอดี นั้ น
นอกจากไม ช วยปรุ งสติ ให ดี ขึ้ นแล ว นอกจากไม ช วยปรุ งสติ ให ดี ขึ้ นแล ว นอกจากไม ช วยปรุ งสติ ให ดี ขึ้ นแล ว นอกจากไม ช วยปรุ งสติ ให ดี ขึ้ นแล ว ยั งทํ าให ใจมี แต อาการฟุ งกระเจิ งด วย ยั งทํ าให ใจมี แต อาการฟุ งกระเจิ งด วย ยั งทํ าให ใจมี แต อาการฟุ งกระเจิ งด วย ยั งทํ าให ใจมี แต อาการฟุ งกระเจิ งด วย
แรงผลั กดั นของความโลภอี กด วย แรงผลั กดั นของความโลภอี กด วย แรงผลั กดั นของความโลภอี กด วย แรงผลั กดั นของความโลภอี กด วย
ฉันปรับสปดกลับคืนระดับเกา ตั้ งตัวตรง มองสบายๆไปขางหนา รู
อาการเคลื่อนไหวของกาย ซึ่งสังเกตแลวจุดเดนอยู ที่การเหวี่ยงขา
สลับกัน สองนาทีแรกก็ รูได ดี แตถัดจากนั้นสติก็เริ่มพร าเลือน กลายเปน
ความเกร็ง หาดุลไมถูกไปแทน
ฉันสังเกตวาสติรับรูอาการเหวี่ยงของขานั้น ไม ทําใหเกิ ดหลักเกิดฐาน
ชัดเจนนัก จึงพิจารณาว าสิ่ งใดในอาการวิ่ งเปนฐานของสติที่มั่นคงที่สุด
วิ่งๆอยูพักหนึ่งก็ ตาสว าง ผั สสะระหว างฝ าเท ากั บพื้ ผั สสะระหว างฝ าเท ากั บพื้ ผั สสะระหว างฝ าเท ากั บพื้ ผั สสะระหว างฝ าเท ากั บพื้นสายพานนั่ นเองที่ ชั ดกว าเพื่ อน นสายพานนั่ นเองที่ ชั ดกว าเพื่ อน นสายพานนั่ นเองที่ ชั ดกว าเพื่ อน นสายพานนั่ นเองที่ ชั ดกว าเพื่ อน เมื่ อนํ าสติ ไปวางไว ที่ นั่ น ก็ เหมื อน เมื่ อนํ าสติ ไปวางไว ที่ นั่ น ก็ เหมื อน เมื่ อนํ าสติ ไปวางไว ที่ นั่ น ก็ เหมื อน เมื่ อนํ าสติ ไปวางไว ที่ นั่ น ก็ เหมื อน
ได ที่ มั่ นแข็ งแรงเป นฐานตั้ ง ได ที่ มั่ นแข็ งแรงเป นฐานตั้ ง ได ที่ มั่ นแข็ งแรงเป นฐานตั้ ง ได ที่ มั่ นแข็ งแรงเป นฐานตั้ ง
ฉันทดลองเอาสติไปอยูที่ฐาน คือเท ากระทบพื้นอย างเดี ยวเปนเวลาสิบนาที เมื่อรูตั ววาจิตแลบไปคิดโนนคิดนี่บางก็ดึง
สติมาอยูกับเท ากระทบอีก ใจรับรู แตกระทบแปะๆๆสม่ํ าเสมอ ลําตั วตั้งตรง สายตาทอดตรงไมเพ งจุดใดจุดหนึ่ง กับ
ทั้งมี ลมหายใจที่สบายประกอบพร อม
ฉันระวังนิดหนึ่งไมใหสติไปจดจอกับลมหายใจ ขณะนี้ เป นเวลาของการรู อิ ริ ยาบถ ขณะนี้ เป นเวลาของการรู อิ ริ ยาบถ ขณะนี้ เป นเวลาของการรู อิ ริ ยาบถ ขณะนี้ เป นเวลาของการรู อิ ริ ยาบถ ฉั นก็จั บจุ ดที่ เด นสุ ดของอิ ริ ยาบถ ฉั นก็จั บจุ ดที่ เด นสุ ดของอิ ริ ยาบถ ฉั นก็จั บจุ ดที่ เด นสุ ดของอิ ริ ยาบถ ฉั นก็จั บจุ ดที่ เด นสุ ดของอิ ริ ยาบถ
คื อผั สสะกระทบเป นหลั ก คื อผั สสะกระทบเป นหลั ก คื อผั สสะกระทบเป นหลั ก คื อผั สสะกระทบเป นหลั ก สิบนาทีผ านไปก็ยิ้มออก เพราะรูสึกว าคนพบแล วว าจะกําหนดสติรู อิริยาบถวิ่งหรือเดินอยาง
ถูกตองไดอย างไร แค รู เท ากระทบอย างเดี ยวไปเรื่ อยๆ แค รู เท ากระทบอย างเดี ยวไปเรื่ อยๆ แค รู เท ากระทบอย างเดี ยวไปเรื่ อยๆ แค รู เท ากระทบอย างเดี ยวไปเรื่ อยๆ ในที่ สุ ดจะเกิ ดสติ รู ทั้ งตั วเองโดยไม ต องฝ นพยายามบั งคั บจิ ตแต ในที่ สุ ดจะเกิ ดสติ รู ทั้ งตั วเองโดยไม ต องฝ นพยายามบั งคั บจิ ตแต ในที่ สุ ดจะเกิ ดสติ รู ทั้ งตั วเองโดยไม ต องฝ นพยายามบั งคั บจิ ตแต ในที่ สุ ดจะเกิ ดสติ รู ทั้ งตั วเองโดยไม ต องฝ นพยายามบั งคั บจิ ตแต
อย างใด อย างใด อย างใด อย างใด
ฉันกลับบานดวยจิตใจที่เป ดกวาง แชมชื่น ตื่นรูตลอดตัว แมจะไมคงเสน
คงวานัก ก็พยายามเลี้ยงสติไวดวยลมหายใจ ใจฉันจดจออยูกับอาการนั่ง
แตก็มีอนุสติเปนลมหายใจช วยประคับประคองอยู ไมใช อาการเพ งรูกายนั่ง
แบบทึบๆ ไมใชสะกดจิตใหรูสึกวากายเปนเพียงหุนกระบอก การมี จิ ตที่ การมี จิ ตที่ การมี จิ ตที่ การมี จิ ตที่
ปลอดโปร งเป นพื้ นในการรู อิ ริ ยาบถป จจุ บั นเท านั้ น ปลอดโปร งเป นพื้ นในการรู อิ ริ ยาบถป จจุ บั นเท านั้ น ปลอดโปร งเป นพื้ นในการรู อิ ริ ยาบถป จจุ บั นเท านั้ น ปลอดโปร งเป นพื้ นในการรู อิ ริ ยาบถป จจุ บั นเท านั้ น ทํ า ทํ า ทํ า ทํ าให เป นไปได ที่ จะเห็ น ให เป นไปได ที่ จะเห็ น ให เป นไปได ที่ จะเห็ น ให เป นไปได ที่ จะเห็ น
กายแสดงความไม เที่ ยง กายแสดงความไม เที่ ยง กายแสดงความไม เที่ ยง กายแสดงความไม เที่ ยง ไม ใช ก อนทึ บเป นดิ นเหนี ยวอย างเคย ไม ใช ก อนทึ บเป นดิ นเหนี ยวอย างเคย ไม ใช ก อนทึ บเป นดิ นเหนี ยวอย างเคย ไม ใช ก อนทึ บเป นดิ นเหนี ยวอย างเคย
นั่งในรถก็ทาหนึ่ง ลุกออกมาจากรถก็กลายเปนอีกท าหนึ่ง ฉันรับรูตาม
จริงว ามันตางกัน แม มี แขนขาหั วตั วเท าเดิ ม แม มี แขนขาหั วตั วเท าเดิ ม แม มี แขนขาหั วตั วเท าเดิ ม แม มี แขนขาหั วตั วเท าเดิ ม แต ลั กษณะกายที่ ปรุ งแต งจิ ต แต ลั กษณะกายที่ ปรุ งแต งจิ ต แต ลั กษณะกายที่ ปรุ งแต งจิ ต แต ลั กษณะกายที่ ปรุ งแต งจิ ต
ให รู สึ กเกี่ ยวกั บตั วตนก็ ต างไป ให รู สึ กเกี่ ยวกั บตั วตนก็ ต างไป ให รู สึ กเกี่ ยวกั บตั วตนก็ ต างไป ให รู สึ กเกี่ ยวกั บตั วตนก็ ต างไป นี่เปนสิ่งที่ฉันไมเคยสังเกตรูมาชั่ วชี วิต คน
ธรรมดาอยางมากแค รูสึกว ากายเปนเรา แต ไม เคยสั งเกตว าแค กายต างท า แต ไม เคยสั งเกตว าแค กายต างท า แต ไม เคยสั งเกตว าแค กายต างท า แต ไม เคยสั งเกตว าแค กายต างท า
ก็ ทํ าให ความเป นเราต างไปแล ว ก็ ทํ าให ความเป นเราต างไปแล ว ก็ ทํ าให ความเป นเราต างไปแล ว ก็ ทํ าให ความเป นเราต างไปแล ว
ยกตัวอยางเชนเมื่อนั่ง กายของเราจะเหมือนไมมีขา มี แต
ชวงหั วลงมาถึงกลางตัว และทานั่งเดียวกันนั้นเอง บางที
กายก็ปรากฏชัดเพี ยงดานหนา บางทีก็เพียงแผนหลั ง แต
บางทีเมื่อมีสติเต็มตื่นอยูก็คลายเห็นเต็มหั วเต็มตัว มี
ความรูสึกเปนสุขสบาย
แตพอเปลี่ยนมาเดิน กายก็ปรากฏคล ายมี แตหัวกับขาที่เตะ
สลับกัน ถาจิตทึบดวยความฟุง ตรงกลางก็จะเหมือนตันๆ
ตื้อๆ แตถาสติ ดีตรงกลางจะเหมือนกลวงๆไป และกายเป น และกายเป น และกายเป น และกายเป น
สิ่ งที่ ถู กกํ าหนดรู โดยเฉพาะได สิ่ งที่ ถู กกํ าหนดรู โดยเฉพาะได สิ่ งที่ ถู กกํ าหนดรู โดยเฉพาะได สิ่ งที่ ถู กกํ าหนดรู โดยเฉพาะได เชนถ าจี้ เล็ งมาที่ กลางอก ก็ จะรู สึ กเหมื อนมี อะไรอุ ดตั นเป นก อนหนั ก เชนถ าจี้ เล็ งมาที่ กลางอก ก็ จะรู สึ กเหมื อนมี อะไรอุ ดตั นเป นก อนหนั ก เชนถ าจี้ เล็ งมาที่ กลางอก ก็ จะรู สึ กเหมื อนมี อะไรอุ ดตั นเป นก อนหนั ก เชนถ าจี้ เล็ งมาที่ กลางอก ก็ จะรู สึ กเหมื อนมี อะไรอุ ดตั นเป นก อนหนั ก แต ถ าวางสติ ไว แต ถ าวางสติ ไว แต ถ าวางสติ ไว แต ถ าวางสติ ไว
สบายๆที่ เท ากระทบพื้ น ข างบนจะเหมื อนว างตลอด สบายๆที่ เท ากระทบพื้ น ข างบนจะเหมื อนว างตลอด สบายๆที่ เท ากระทบพื้ น ข างบนจะเหมื อนว างตลอด สบายๆที่ เท ากระทบพื้ น ข างบนจะเหมื อนว างตลอด คล ายไม มี ทั้ งหั วทั้ งตั ว มี แต ความชั ดของเท ากระทบเด นอยู คล ายไม มี ทั้ งหั วทั้ งตั ว มี แต ความชั ดของเท ากระทบเด นอยู คล ายไม มี ทั้ งหั วทั้ งตั ว มี แต ความชั ดของเท ากระทบเด นอยู คล ายไม มี ทั้ งหั วทั้ งตั ว มี แต ความชั ดของเท ากระทบเด นอยู
ฉันไมเขาบาน แตมาป ดประตูรั้วแลวออกเดินทอดนองไปรอบหมูบาน เปนสุขมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นกายตามจริง
ขางบนว าง ขางล างชั ด เพราะสติกํ าหนดอยูเฉพาะเท ากระทบพื้นเทานั้น
เดินมาพักหนึ่งก็เจอหมาเห า ถ าเปนเมื่อกอนฉันจะสะดุงและโมโห บางทีอาจเผลอหันไปตวาดหรือทํ าทาขู วาเดี๋ยวโดน
ซึ่งเปนการลดตัว ลดชั้นระดับชีวิตไปเทียบเทากับมันด วยโทสะ แตมาคราวนี้ทุกอยางต างไป นับเปนประสบการณครั้ง
แรกที่เห็นหมาเห ากายเดิน ไมไดเหาฉัน ฉันไมมีสวนเกี่ยวของกับเหตุการณ เปนเพียงผูรู ผูดูกายเดินและหมาเหากาย
เดินเทานั้น ผัสสะกระทบหูโฮงๆนั้นกอความสะเทือนก็จริง แต หากไม ดึ งสติ ให โงนเงนจากฐาน แต หากไม ดึ งสติ ให โงนเงนจากฐาน แต หากไม ดึ งสติ ให โงนเงนจากฐาน แต หากไม ดึ งสติ ให โงนเงนจากฐาน ผั สสะนั้ นก็ เป นแค สิ่ ง ผั สสะนั้ นก็ เป นแค สิ่ ง ผั สสะนั้ นก็ เป นแค สิ่ ง ผั สสะนั้ นก็ เป นแค สิ่ ง
แปลกปลอมที่ สติ สามารถเฝ ารู เฝ าดู ได จากฐานที่ มั่ นอั นปลอดภั ย แปลกปลอมที่ สติ สามารถเฝ ารู เฝ าดู ได จากฐานที่ มั่ นอั นปลอดภั ย แปลกปลอมที่ สติ สามารถเฝ ารู เฝ าดู ได จากฐานที่ มั่ นอั นปลอดภั ย แปลกปลอมที่ สติ สามารถเฝ ารู เฝ าดู ได จากฐานที่ มั่ นอั นปลอดภั ย
สี่ทุมคืนนี้ฉันแบงเวลานั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง แล วลุกขึ้นเดิน
จงกรมอีกครึ่งชั่วโมง รูสึกพอใจ มั่นใจวาจับจุดถูก วั ดจากที่ วั ดจากที่ วั ดจากที่ วั ดจากที่
เดิ นครึ่ เดิ นครึ่ เดิ นครึ่ เดิ นครึ่ งชั่ วโมงไม ฟุ งซ าน ไม เครี ยดเกร็ ง งชั่ วโมงไม ฟุ งซ าน ไม เครี ยดเกร็ ง งชั่ วโมงไม ฟุ งซ าน ไม เครี ยดเกร็ ง งชั่ วโมงไม ฟุ งซ าน ไม เครี ยดเกร็ ง ยิ่ งเดิ นยิ่ งรู เท า ยิ่ งเดิ นยิ่ งรู เท า ยิ่ งเดิ นยิ่ งรู เท า ยิ่ งเดิ นยิ่ งรู เท า
กระทบชั ด กระทบชั ด กระทบชั ด กระทบชั ด แลวฐานคือความรูเท ากระทบชั ดนั้นเอง ก็สงใหเกิด
ความรู ชัดทั่วอิ ริยาบถขึ้นเองโดยไมตองบังคับกํ าหนด
บางครั้งสติ รูลมหายใจมาแทรกแซงความรูเท ากระทบบาง แต
ฉันก็ไมเสียศูนย เพราะกําหนดไวแล วว าศูนยกลางการรับรูจะ
อยูที่เท ากระทบ ตราบใดยั งรู เท ากระทบ ถ ามี รู อย างอื่ นมา ตราบใดยั งรู เท ากระทบ ถ ามี รู อย างอื่ นมา ตราบใดยั งรู เท ากระทบ ถ ามี รู อย างอื่ นมา ตราบใดยั งรู เท ากระทบ ถ ามี รู อย างอื่ นมา
แถมก็ ไม เป นไร ถื อเป นกํ าไร แถมก็ ไม เป นไร ถื อเป นกํ าไร แถมก็ ไม เป นไร ถื อเป นกํ าไร แถมก็ ไม เป นไร ถื อเป นกํ าไร ถื อเป นเครื่ องสะท อนกํ าลั งสติ ที่ ถื อเป นเครื่ องสะท อนกํ าลั งสติ ที่ ถื อเป นเครื่ องสะท อนกํ าลั งสติ ที่ ถื อเป นเครื่ องสะท อนกํ าลั งสติ ที่
ใหญ ขึ้ นได ใหญ ขึ้ นได ใหญ ขึ้ นได ใหญ ขึ้ นได แตถ ามีอะไรมาแทรกแซงแลวสติ แลนไปจับสิ่งนั้นโดยลืมอิริยาบถเดินไป ก็แสดงว าสติของเรากําลั งออก
อาการเหวี่ยงแหจั บฉาย นั บเปนเครื่องสะดุดใหหยุดความก าวหน าของสติ ปฏฐานเบื้องตนไดอยางหนึ่ง
สรุปคืนนี้ฉันดีใจเปนพิเศษ เมื่อไดหลักการเดินจงกรมที่ ถูกตอง ตอนนี้เหมือนมีอาวุ ธคูใจสองชิ้นไว รบทัพจับศึกกับ
กิเลสอยางสมน้ํ าสมเนื้อแล ว
จาก จาก จาก จาก “ ““ “๗ ๗ ๗ ๗ เดื อนบรรลุ ธ เดื อนบรรลุ ธ เดื อนบรรลุ ธ เดื อนบรรลุ ธรรม รรม รรม รรม” ” ” ” โดย ดั งตฤณ โดย ดั งตฤณ โดย ดั งตฤณ โดย ดั งตฤณ

ประโยคทิ้ งท าย ประโยคทิ้ งท าย ประโยคทิ้ งท าย ประโยคทิ้ งท าย · ·· ·

“ การเดินจงกรม นั้น ทาทางการเดิน ,สถานที่เดิน, ความไวในการเดิน ลวน
แตเปน กิ ริยา หาไดสําคัญเทากับการยางก าว ดวยสติ ไม
เราเดินช า เดินสวย แต กิเลส มันไมไดใหคะแนนความสวย มันก็ไมไดเดินชาไปกับ
เราดวย
ไม วาเดิน จะเดิน´วิ่ง บนลูวิ่ งในหองฟตเนส, เดินชอปป งในศูนยการค า, หรือจะเดิน
ขามถนน หากก าวยางดวยสติ ก็มีคา กวาการเดินช าๆ ด วยความเพ ง แลวมีแต ความหลง
ตลอดลานเดินจงกรม ”

“ ““ “อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา.... .... .... ....ณชเล ณชเล ณชเล ณชเล” ”” ”

Вам также может понравиться