Вы находитесь на странице: 1из 3

วันเสารที่ ผ านมา มีโอกาสไป

ฟงพระปราโมทย ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ สวนสันติธรรม
อ.ศรี ราชา จ.ชลบุ รี หลวง
พอท านสอน ว า




ยุคปจจุบันนี้ คนสนใจธรรมะ สนใจเรียนกรรมฐานกันมาก ลักษณะโครงสรางของคน
มนสังคมก็เปลี่ยนแปลงไป สมัยกอนนั้น เปนสังคมเกษตร สังคมชนบท ภาระกิจในแตละวัน
ของคนนั้น ไมยุงเทาไหร ฉะนั้น จึงมีเวลาหั ดกรรมฐานแบบประดิ ดประดอย เชน นั่งสมาธิวัน
ละหลาย ๆ ชั่วโมง ทุกวั นนี้โครงสร างของสังคมไดเปลี่ยนไปแล ว ไมใชสังคมเกษตร ไมใช
สังคมชนบทอีกตอไป แมแต คนบานนอก เอาเข าจริง ๆ กลับกลายเปนคนเมืองที่ไปอยูในสังคม
ชนบท ชาวไร ชาวนาแบบโบราณ แทบไมมี แต ไดกลายเปนผูประกอบการในชนบทแทน
เชน เชาที่นา จางคนปลูก จางคนเก็บเกี่ยว แลว นํ าไปขาย สิ่งที่ไดมาคือ กํ าไรหรือขาดทุน
ชาวนาแบบโบราณนั้น จึงแทบไมมี ที่ๆ จะผลิตข าวไวกิน ที่เหลื อจึงเอาไปขาย ฉะนั้นคนทุก
วันนี้ จึงตองคิดหนัก เครี ยด คนสวนใหญอยูในภาคบริการ ภาคอุตสาหกรรม ไมใชภาค
เกษตร อีกแลว และคนในภาคเกษตรก็กลายเปนนักลงทุนในภาคเกษตรแทน ดวยความ
เปลี่ยนแปลงของโครงสรางในสังคมนี้ ทําให รูปแบบกรรมฐานที่ทํ ากัน ก็เปลี่ยนไปดวย จะตอง
มีการปรับวิธีการใหม ใหเขากับคนเมือง อย างพวกเราถ าสนใจกรรมฐาน และเรียกรองวา
ตองอยูในปา แตในความเปนจริงคือ เราไม มีป าใหอยู สมัยครูบาอาจารย นั้น อยากจะทํ า
กรรมฐานก็สามารถเขาปา ไปเดินธุดงค ได แตคนทุกวันนี้ เดินไปไหน ก็มีแต ผูคน ไมสามารถ
ปลีกวิเวกได แม แตไปปฏิบั ติตามวัด ทุกวันนี้ คนก็เต็มไปหมด ฉะนั้นเราตองปรับรูปแบบการ
ปฏิบัติใหสอดคลองกับพฤติ กรรมคนเมือง

ปจจุบันนี้ การทํากรรมฐาน แบบ การดูจิต จึงเปนที่ รูจักขึ้นมา เพราะมันสอดคลอง
กับคนเมือง เพราะการดูจิตนั้น ไมเบียดบังเวลาการทํางาน สามารถทําไดตลอดเวลา
หลักการสั้น ๆ คือ การมี สติรูกายใจลงปจจุบัน ตามความเปนจริง อยางเราเปนฆราวาส
ตื่นเชาขึ้นมานึกขึ้นไดว า วันนี้วันจันทร ใจมันแหงแลงขึ้นมา ก็ให รูทันว าใจมันแห งแล ง นึกได
วาวันอังคารรูสึกขี้เกียจขึ้นมา ก็ใหรู วาขี้เกียจ นึกได วาวันพุ ธ รูสึกว าเปนวันพุ ธที่เซ็งสุด ๆ
พอถึงวันพฤหัสเริ่มสดชื่น ก็ใหรู วาสดชื่น นึกได วาวั นนี้วันศุกรจิตใจก็เริ่มกระดี๊ กระดา ยิ่ง
ถาหากวาศุกรนี้เปน ลองวี คเอน ดวยแลว จะรูสึกว า โลกนี้เปนสีชมพูเลย ดู ไปอยางนี้ จะ
เห็นไดวา ในแต ละวันที่เราตื่นเชาขึ้นมา จิตใจเราเองก็ยั งไมเหมือนกันเลย มีความ
เปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา ดูใหเห็นอย างนี้ สภาวะใด ๆ เกิดขึ้นก็ใหรูตามความจริงไป จะ
เห็นวา แคคิด ความรูสึกก็ เปลี่ยน ก็ใหเรารูทันความเปลี่ยนแปลงนั้นไป หรือ อย างไปอาบน้ํ า
ชวงหน าหนาว กําลังจะเริ่มอาบก็รูสึกสยดสยอง ก็ให รู ทันไป กําลังอาบจะเสร็จ จะเห็นวา ไม
สยดสยองอยางตอนแรกแลว แตจะเริ่มดีใจ เมื่ออาบน้ําเสร็จ เช็ดตัวเสร็จ ใสเสื้อผาอุน ๆ ใจ
มีความสุข ก็ให รู ทันวา ใจมันความสุข สรุ ปง าย ๆ การปฏิบัติ เมื่ อตามองเห็ น ความรูสึก
อะไรเกิดที่จิต ก็ใหรู ทันไป หูไดยินเสียง เชน ไดยินเสียงคนที่เราไม ชอบ กํ าลั งเดินมา เกิด
ความรูสึกกังวล ไม ชอบ ก็ใหรูทันไป หรือ ไดยินเสียงคนเขาชม ใจเราพอง ไดยินเสียงคน
เขาตําหนิ ใจเราแฟบ ก็ให รูทันไปแบบนี้ ตาเห็นรูปใจก็เปลี่ยน หูไดยินเสียงใจก็เปลี่ยน จมูก
ไดกลิ่นใจก็เปลี่ยน มีการสั มผัสทางกาย ใจเราก็เปลี่ยน เชน สาวสวยมาสัมผัสกาย กับ หมาขี้
เรื้อนมาสัมผัสเรา ใจเราก็เปลี่ยน ถาสัมผัสนุม ๆ ใจเราก็พอใจ แตถ าสั มผัสกระด าง
หยาบๆ ใจเราก็ไมพอใจ ใหดูอยางนี้ไป เรื่อย ๆ หรือ อย างเชน ใจเราคิด ความรูสึกในใจก็
เปลี่ยน ในความเปนจริงแลว ตา หู จมูก ลิ้น กายกระทบอารมณ นี่ มันมีแตความรูสึกที่
กาย ตา หู จมูก ลิ้น กายกระทบอารมณ แลว มันจะสั่งสัญญาณเข ามาที่ใจกอน ตองกระทบ กระทบ กระทบ กระทบ
ทางใจก อน ใจจึ งจะเปลี่ ยน ทางใจก อน ใจจึ งจะเปลี่ ยน ทางใจก อน ใจจึ งจะเปลี่ ยน ทางใจก อน ใจจึ งจะเปลี่ ยน ฉะนั้น บางครั้ งตามองเห็ น ทํ างานเขามาที่ใจ ใจเปลี่ ยน หูไดยิน
เสียงแลวสงสัญญาณเข ามาใจเปลี่ยน บางทีไมมีการกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แตอยู ๆ
มากระทบทางใจเลยก็ได เชน ใจเราเกิดระลึกถึงหนาคน ๆ หนึ่ง ที่เคยทําใหเราไมชอบมาก ๆ
ใจมันนึกขึ้นมา ความโกรธเมื่อนานมาแล วก็เกิดขึ้นอี กได คิ ดถึงคนนี้เราชอบ คิดถึงอีก
คนเราชัง สังเกตว า ความรูสึกของเราเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามความคิดของเรา นั้น

สรุปแลวคือ เมื่อ มีการกระทบทางตา หู จมูก ลิ้ น กาย สั่งสัญญาณเข ามาที่ใจ
ความรูสึกเราเปลี่ยน หรือ บางทีไมมีการกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แตอยู ๆ มากระทบ
ทางใจเลย ใจเราก็เปลี่ยน หนาที่ของผูปฏิบัติ คือ มีสติรู ทันความเปลี่ยนแปลงของจิตไป ไม
นานเราก็จะเห็นวา จิตนี้เดี๋ยวก็สุข จิตนี้เดี๋ยวก็ทุกข เดี๋ยวก็เฉย ๆ จิตนี้เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวมีปติ
มีศรั ทธา มีความเพียร มี ความโลภ โกรธ หลง ขึ้นมา หนาที่ของผูปฏิบัติ ก็ง ายนิดเดียว คือ
อะไรเกิดขึ้นกับจิต สด ๆ ร อน ๆ ตามรูไป การตามรู แสดงว า ตามดูไป เชนใจลอย ตอง
ลอยไปกอน แล วจึงตามรู ไป อย างคํ าว า โลภ โกรธ หลง เนี่ย จริ ง ๆ แล ว สามตระกูลนี้
จะโกรธ จะโลภได ตองเริ่ มจากการหลงกอน เพราะการหลง คือ การที่เราขาดสติ จึงไป
กอการทํ างานทางใจ เปนความรูสึก โกรธ โลภ ขึ้นมา ใครที่ดูความคิดได เชน หลงคิดแลว
รู อยางนี้ก็ ปฏิบัติได ทั้งวัน จะเห็นไดวา จิตตะกี๊นั้ น หลงไปคิด จิตตอนนี้ มี สติ การทํ า
อยางนี้ก็เพื่อ จะเปนการตัดตอนความหลงใหขาดเปนช วง ๆ ขาดไปเรื่อย ๆ ในที่ สุดปญญาจะ
เกิด ว า จิตจะหลงเราก็หามไมได จิตจะมีสติ เราก็สั่ งมันไมได มันเปนของมันเอง เราบังคับ
ไมได จิตที่ หลงก็เกิดขึ้นชั่วคราว เดี๋ยวก็ดับ จิตที่มีสติเกิดขึ้นชั่วคราวเดี๋ยวก็ ดั บ จะเห็นได
วามันไมเที่ยง นี่แหละมั นเปนทุกข มันจะหลง หรื อ มันจะรู เราก็บั งคับไมได นี่ มันเปน
อนัตตา การที่เราฝกดูมั นเรื่อย ๆ เห็นสภาวะต าง ๆ เกิดขึ้น ตั้งอยู และดับไป อยางนี้ ก็จะ
เรียกวา เห็นมันเปน ไตรลักษณ ซึ่งจะเปนการทํ าวิ ปสสนา ชีวิตที่ขาดเปนทอน ๆ จะทําให
เราเห็นวา ไม มีหรอก ตัวตนถาวร ถึ งจุดหนึ่ง ปญญามันเกิด จะเห็นวา สภาวะตาง ๆ เกิด
แลวก็ ดับไป จิตใจเกิดแลวก็ ดับ เปนขณะ ๆ




ประโยคทิ้ งท าย ประโยคทิ้ งท าย ประโยคทิ้ งท าย ประโยคทิ้ งท าย · · · ·

ตอใหเปนศัตรู ตัวฉกาจก็ไม มีทางทํ ารายคุณไดบอยๆ มีแตความคิดในหั วตั วเองเท านั้น
ที่ทํ ารายคุ ณได ทุกนาที


“ ““ “อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา... ... ... ...ณชเล ณชเล ณชเล ณชเล” ”” ”

Вам также может понравиться