Академический Документы
Профессиональный Документы
Культура Документы
Cu(s) Cu 2+(aq) + 2 e-
(ปฏิกิริยาออกซิเดชัน)
2Ag+(aq) +2 e- 2Ag(s)
(ปฏิกิริยารีดักชัน)
ปฏิกิรย ิ าที่เกิดขึ้นในแต่ละสมการเรียกว่าครึ่งปฏิกิริยา
ซึ่งการเกิดปฏิกิริยาถ่ายเท e- จะเกิดขึ้นได้สมบ่รณ์ก็ต่อเมื่อ
ต้องนำาครึ่งปฏิกิริยาทั้งสองมารวมกัน เขียนเป็ นสมการได้
ดังนี้
Cu(s) + Ag+(aq) Cu2+(aq) +
2Ag(s) (ปฏิกิริยารีดอกซ์)
สร่ปได้ว่าการเกิดปฏิกิริยารีดอกซ์จะต้องประกอบไป
ด้วย
1. สารทีใ ่ ห้ e- เรียกว่าตัวรีดิวซ์ เกิด
ปฏิกิรย ิ าออกซิเดชัน (Oxidation Reaction)
2. สารทีร ่ ับ e- เรียกว่าตัวออกซิไดซ์ เกิด
ปฏิกิรย ิ ารีดักชัน (Reduction Reaction)
เซลล์ไฟฟ้ าเคมี
ขั้วไฟฟ้ า
15
ขั้วไฟฟ้ า
e-
e-
Cu สะพาน
เกลือ Ag
Ag+
Cu2+
Cu Cu2+ + 2 e-
Ag+ + e- Ag
ครึ่งเซลล์ Oxidation
Reduction
ขั้วไฟฟ้ า ลบ (อาโนด)
บวก (คาโทด)
ปฏิกิรย
ิ าที่เกิดขึ้น Cu(s) + 2Ag+(aq)
2+
Cu (aq) + 2Ag(s)
แผนภาพเซลล์ไฟฟ้ าเคมี
หากปฏิกิริยารีดอกซ์ท่ีเกิดขึ้นเป็ น A(s) + B+
(aq) A+(aq) + B(s)
แผนภาพเซลล์ไฟฟ้ าเคมี A(s) |
+ +
A (aq) || B (aq) | B(s)
ครึ่งเซลล์ออกซิเดชัน ครึ่งเซลล์รีดักชัน
4. หากมีความดันเกี่ยวข้อง ให้ระบ่
ความดันในวงเล็บ แล้ววางหลังก๊าซนั้น
เช่น Pt(s) | H2(atm) | H+(aq) | |
Ag+(aq) | Ag(s)
เช่น Zn2+(aq) + 2 e-
Zn(s) E° = - 0.76 Volt
Ag+(aq) + e-
Ag(s) E° = 0.80 Volt
พิจารณา Eo Zn2+
< Eo Ag+
ตัวรีดิวซ์ : Zn > Ag
ตัวออกซิไดซ์ : Ag+ > Zn2+
2. ใช้คำานวณค่าศักย์ไฟฟ้ าของเซลล์และครึ่งเซลล์
อาศัยหลัก E°Cell = E°คาโนด -
E°อาโนด E°
= E°ขั้วบวก - E°ขั้วลบ
= E°ส่ง - E°ตำ่า
ประโยชน์ของค่า E°Cell
E°Cell > 0 ปฏิกิรย
ิ า
เกิดได้
E°Cell < 0
ปฏิกิรย
ิ าเกิดไม่ได้ (เกิดในทิศตรงข้าม)
15
E°Cell = 0 ปฏิกิรย
ิ า
เกิดไม่ได้แน่ นอน
ตัวอย่างการหาเลขออกซิเดชันของธาตุ
Mn2O7 2Mn + 7O = 0
Na3PO4 3Na + P + 4O = 0
2Mn + 7(-2) = 0
3(1) + P + 4(-2) = 0
2Mn = 14
3+P–8 = 0
Mn = +7 #
P = +5 #
MnSO4 Mn + SO4 = 0
2-
C2O 4 2C + 4O = -2
Mn + (-2) = 0
2C + 4(-2) = -2
Mn = +2 #
2C = 6
15
C
= +3 #
ขัน
้ ตอนการดุลสมการรีดอกซ์
1. หาธาต่ท่ีมี O.N. เปลี่ยนไป ต่อ 1 อะตอมของธาต่
2. นำาเลข O.N. ที่เปลี่ยนไปมาค่ณไขว้ (เพื่อให้
จำานวน e- ที่ถ่ายเทเท่ากัน)
3. ด่ลอะตอมของธาต่ (H กับ O ทำาทีหลัง)
4. ถ้าทอนได้ให้ทอนเป็ นอัตราส่วนอย่างตำ่าด้วย
ตัวอย่างการดุลสมการรีดอกซ์
EX. FeCl3 + SnCl2 FeCl 2 +
SnCl4
1. หาเลข O.N. ที่เปลี่ยนไป ต่อ 1 อะตอมของธาต่
FeCl3 + SnCl2 FeCl2 +
SnCl4
+3 +2 +2
+4
รับ 1 e-
เสีย 2 e-
2. ค่ณไขว้จำานวน e- ให้ถ่ายเทเท่ากัน
2FeCl3 + SnCl2 FeCl 2 +
SnCl4
3. ด่ลสมการ
2FeCl3 + SnCl2 2FeCl 2 +
SnCl4
5. รวมสมการ
6Fe2+ + Cr2O72- + 14H+
6Fe3+ + 2Cr3+ + 7H2O
2. ในสารละลายเบส
EX. I- + MnO4- ® I2 + MnO2
วิธีทำา แยกครึ่งปฏิกิริยา
I-
I2 ด่ลอะตอม
MnO4- MnO2
2I -
I2 ด่ลประจ่
อะตอมของ Mn ด่ลแล้ว
2I- I2 + 2 e-
ด่ล O โดยเติม H2O ด้านขาด O เท่ากับ
จำานวนที่ขาด O2
4-
MnO4 MnO2 + 2H2O
เติม H+ ด้านขาด H เท่ากับจำานวนที่ขาด H
MnO44- MnO2 + 2H2O
ประโยชน์ของเซลล์กล
ั วานิ ก
เซลล์กัลวานิ ก อาจแบ่งออกได้เป็ น 2 ลักษณะ คือ
1. เซลล์ปฐมภูมิ< Primary Cell>
เป็นเซลล์ทีเ่ มื่อใช้แล้วไม่อาจทำาให้กลับไปส่่สภาพเดิมได้
อีกโดยใช้ศักย์ไฟฟ้ าภาพนอก เซลล์ชนิ ดนี้
ได้แก่ ดาเนี ยลเซลล์ เซลล์แห้ง และอื่นๆ
1.1 เซลล์แห้งหรือถ่านไฟฉาย
เซลล์แห้งหรือบางทีเรียกว่าเซลล์เลอคลัง เซลล์ (leclanche cell)
เป็ นเซลล์ท่ีใช้ในไฟฉาย ซึ่งมีลักษณะตามรูปที่ 1. กล่องของเซลล์ทำา
15
รูปที่1. ส่วนประกอบของเซลล์แห้ง
1.2 เซลล์สำาหรับวัตถุประสงค์พิเศษ
สำาหรับเซลล์วัตถุประสงค์พิเศษ ที่จะกล่าวถึง ได้แก่ เซลล์รูบิน-
มาลลอรี่(Rubin-Mallory cell) หรือบางทีเรียกเซลล์
เมอร์คิวรี(Mercury cell) ซึ่งมีขนาดเล็กและใช้กันมากในเครื่องฟั ง
เสียงสำาหรับคนหูพิการ หรือประโยชน์อ่ ืนๆ เซลล์นี้ใช้กล่องสังกะสี
เป็ นขัว้ ลบ แท่งคาร์บอน(แกรไฟต์ เป็ นขัว้ บวก คล้ายกับของเซลล์แห้ง
แต่ใช้อิเล็กโตรไลต์เป็ นของผสมที่ชุ่มและเหนี ยวของเมอร์คิวรี (II)
ออกไซด์ โซเดียมหรือโพแทสเซียมไฮ ดรอกไซด์ เซลล์นี้จะให้ศักย์
ไฟฟ้ าประมาณ 1.3 โวลต์ และมีปฏิกริ ิยาเคมีดังนี้
ขั้วลบ :Zn(s) + 2OH-(aq)-----------
>Zn(OH)2(s) + 2e-
ขั้วบวก :HgO(s) + 2H2O + 2e-
--------->Hg(l) + 2OH-(aq)
ปฏิกิรยิ าส่ทธิ : Zn(s) + HgO(s) + 2H2O
------>Zn(OH)2(s) + Hg(l)
1.3 ดาเนี ยลเซลล์ (Daniel Cell)
จากภาพ อิเล็กโตรดทองแดงประกอบด้วยโลหะทองแดง
บรรจุอยู่ในสารละลายอิ่มตัวของคอปเปอร์(||) ซัลเฟต (A) ส่วนล่าง
ของเซลล์มีผลึกของคอปเปอร์ซัลเฟตเพื่อให้สารละลายอิ่มตัว สารอิ
เล็กโตรดสังกะสีประกอบด้วย โลหะสังกะสี( B ) ลอยอยู่ในสารละลาย
สังกะสีซัลเฟตที่เจือจางไกล้ๆส่วนบนของเซลล์ เหนื อสารละลาย
คอปเปอร์ซัลเฟตซึ่งมีความหนาแน่ นมากกว่า เมื่อโลหะสังกะสีและ
ทองแดงเชื่อมต่อกันด้วยลวด อิเล็กตรอนจะไหลผ่านเส้นลวดจาก
สังกะสีซ่ึงถูกออกซิไดซ์ง่ายกว่าไปยังทองแดงซึ่งออกซิไดซ์ยากกว่า
สังกะสีจะถูกออกซไดซ์กลายเป็ น Zn2+ ในสารละลาย ในขณะเดียวกัน
Cu2+ จะถูกรีดิวซ์เป็ นทองแดง ดังสมการ แอโนด : Zn-------------
>Zn2+ + 2e-
แคโทด : Cu2+ + 2e-------------->Cu
ปฏิกริ ิยาสุทธิ Zn + Cu2+---------------->Zn2+ + Cu
15
2.ภาพประกอบของแบตเตอรี่สะสม
ไฟฟ้ าแบบตะกัว่
แบตเตอรี่แบบนี้ประกอบแผ่นเหล็กกล้า บรรจุผงเหล็กละเอียด
ส่วนนี้ทำาหน้ าที่เป็ นขัว้ ลบ สำาหรับขัว้ บวกเป็ นแผ่นเหล็กกล้าบรรจุด้วย
นิ เกิล(IV) ออกไซด์ไฮเดรต ส่วนอิเล็กโตรไลต์เป็ นสารละลายที่มี
โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ 21% ผสมลิเที่ยมไฮดรอกไซด์เล็กน้ อย เมื่อ
มีการจ่ายไฟฟ้ า ปฏิกิริยาครึ่งเซลล์เกิดขึ้นดังนี้
ขัว้ ลบ : Fe(s) + 2OH-(aq)
----------->Fe(OH)2(s) + 2e-
ขัว้ บวก : NiO2(s) + 2H2O + 2e- ---------->Ni(OH)2(s) +
2OH-(aq)
ปฏิกริ ิยาสุทธิ : Fe(s) + NiO2(s) + 2H2O-----------
>Fe(OH)2(s) + Ni(OH)2(S)
15
เมื่อมีการอัดไฟฟ้ า ปฏิกิริยาจะเปลี่ยนทิศทางจากขวาไปซ้าย
ศักย์ไฟฟ้ าของแต่ละเซลล์ของแบตเตอรี่แบบเอดิสัน มีค่า
ประมาณ 1.4 โวลต์
ถ้าใช้ผงแคดเมียมมาแทนผงเหล็กจะเป็ นแบตเตอรี่สะสม
ไฟฟ้ าแบบนิ กเกิล-แคดเมียม ซึ่งมีศักย์ไฟฟ้ าประมาณ 1.3 โวลต์ และมี
ปฏิกริ ิยาครึ่งเซลล์ พอสรุปได้ดังนี้
ขัว้ ลบ : Cd(s) + 2OH-(aq) ----------->Cd(OH)2(s)
+ 2e-
ขัว้ บวก: NiO2(s) + 2H2O + 2e-
----------->Ni(OH)2(s) + 2OH-(aq)
ปฏิกริ ิยาสุทธิ : Cd(s) + NiO2(s) + 2H2O
---------->Cd(OH)2(s) + Ni(OH)2(s)
แบตเตอรี่ทัง้ สองแบบที่กล่าวถึงในหัวข้อที่ 2. มีข้อดีคือ สามารถเก็บไว้
นานๆได้โดยไม่เสื่อมคุณภาพ ให้ศักย์ไฟฟ้ าค่อนข้างคงที่ ใช้กบ ั
อุปกรณ์วัดแสงในการถ่ายรูป เครื่องคิดเลข และอื่นๆ
ประโยชน์ของเซลล์อิเล็กโทรไลต์
การชุบ
หลักการทัว่ ไปสำาหรับการชุบโลหะด้วยไฟฟ้ า
1.ใช้โลหะที่จะชุบเป็ นแคโทด
2.จะชุบด้วยโลหะใดใช้โลหะนั ้นเป็ นแอโนด
3.สารละลายอิเล็กโทรไลต์ ต้องมีไอออนของโลหะที่เป็ นแอโนด
4.ใช้ไฟฟ้ ากระแสตรง และควบคุมศักดิไ์ ฟฟ้ าของเซลล์ให้เหมาะสม
เช่นการชุบช้อนสังกะสีด้วยเงิน กระทำาดังแผนภาพ
การทำาโลหะให้บริสุทธิ ์
การทำาโลหะให้บริสุทธิด์ ้วยกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส ใช้หลักการ
เดียวกับกับการชุบด้วยไฟฟ้ า โดยใช้โลหะที่บริสุทธิเ์ ป็ นแคโทด โลหะ
ที่ไม่บริสุทธิเ์ ป็ นแอโนด และใช้สารละลายที่มีไอออนของโลหะดังกล่าว
เป็ นอิเล็กโทรไลต์ เช่นการทำาทองแดงให้บริสุทธิ ์
โดยทัว่ ๆไปจะได้ทองแดงจากการถลุงแร่ ซึ่งจะมีความบริสุทธิ ์
ไม่เกิน 99% ที่เหลือจะเป็ นพวกสิ่งเจือปนต่าง ๆ เช่น Fe Ag Au
Pt และ Zn ถ้าใช้กระบวนการอิเล็กโทรลิซิสเข้าช่วย จะได้ทองแดงที่
มีความบริสุทธิถ์ ึง 99.95% ในอุตสาหกรรมจะสร้างเซลล์ดังนี้
15
การผุกร่อนของโลหะและการป้ องกัน
การผุกร่อนของโลหะที่พบบ่อยในชีวิตประจำาวันได้แก่ เหล็ก
เป็ นสนิ ม (สนิ มเหล็กเป็ นออกไซด์ของเหล็ก Fe2O3.xH2O) ซึ่งเกิดจาก
สาเหตุหลายประการ ตัวอย่างเช่น การที่อะตอมของโลหะที่ถูกออกซิ
ไดส์แล้วรวมตัวกับออกซิเจนในอากาศเกิดเป็ นออกไซด์ของโลหะนั ้น
เช่น สนิ มเหล็ก(Fe2O3) สนิ มทองแดง (CuO) หรือสนิ มอลูมิ
เนี ยม(Al2O3) การเกิดสนิ มมีกระบวนการซับซ้อนมากและมีลักษณะ
เฉพาะตัวดังนี้
1. การผุกร่อนของโลหะ คือปฏิกิรย ิ าเคมีท่ีเกิดระหว่างโลหะกับ
ภาวะแวดล้อม
2. ภาวะแวดล้อมที่ทำาให้ผุกร่อน คือ ความชื้น และ
ออกซิเจน(H2O, O2) หรือ H2O กับอากาศ
3. ปฏิกริ ิยาเคมีท่ีเกิดในการผุกร่อน เป็ นปฏิกิริยารีดอกซ์
3.1 โลหะที่เกิดปฏิกิริยา Oxidation (ให้อิเล็กตรอน)
3.2 ภาวะแวดล้อมเป็ นฝ่ ายรับอิเล็กตรอน เกิดปฏิกิริยา Reduction
4. สมการแสดงปฏิกิริยาการผุกร่อน (เกิดจากการทดลอง)
โลหะ + ภาวะแวดล้อม -----> Ion ของโลหะ + เบส
Fe (s) + H2O (l) + O2 (g) -----> Fe2+ (aq) + OH- (aq)
Fe2+ ทดสอบโดยใช้สารละลาย K3Fe(CN)6 จะได้สีนำ้าเงิน ถ้าสีนำ้าเงิน
เข้ม แสดงว่ามี Fe2+ มาก ถ้าจางมี Fe2+ น้ อย
เบส(OH-) ทดสอบโดยสารละลายฟิ นอล์ฟทาลีน ได้สีชมพู
5. ในการ Balance สมการ
เมื่อเหล็กสัมผัสกับอากาศและความชื้น อะตอมของเหล็กจะเกิด
ปฏิกริ ิยาออกซิเดชันดังสมการ
Fe (s) ------> Fe2+ (aq) + 2e …………………………….….
(1) (Oxidation)
นำ ้ าและออกซิเจนรับอิเล็กตรอนจากเหล็ก ดังสมการ
2H2O (l) + O2 (g) + 4e ------> 4OH- (aq)
…………………..(2) (Reduction)
(1) * 2 + (2) ; 2Fe + 2H2O + O2 -------> 2Fe2+ + 4OH- (Redox)
15
ความก้าวหน้ าทางเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้องกับเซลล์ไฟฟ้ า
เคมี
1. การทำาอิเล็กโทรไดอะลิซิสนำ ้ าทะเล
อิเล็กโทรไดอะลิซิสเป็ นเซลล์อิเล็กโทรไลต์ท่ีใช้แยกไอออนออก
จากสารละลายโดยให้ไอออนเคลื่อนที่ผ่านเยื่อบางๆ ไปยังขัว้ ไฟฟ้ าที่มี
ประจุตรงกันข้ามซึ่งอยู่ริมทัง้ สองด้านทำาให้สารละลายส่วนกลางมี
ความเข้มข้นไอออนลดลงจึงนำ าหลักการนี้ไปแยกไอออนของโซเดียม
และคลอไรด์ไอออนออกจากนำ ้ าทะเลเพื่อผลิตนำ ้ าจืดจากทะเลได้
2. เซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell)
อีกวิธีหนึ่ งที่ใช้เปลี่ยนพลังงานเคมีเป็ นพลังงานไฟฟ้ าได้แก่
เซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งมีได้หลายแบบ ขึ้นกับว่าจะใช้สารอะไรเป็ นเชื้อเพลิง
เช่น ออกซิเจน(จากอากาศ) และนำ ้ ามันเชื้อเพลิง (fossil fuel) หรือ
ไฮโดรเจนและไฮดราซีน (hydrazine,N2H4) แต่เชื้อเพลิงที่ใช้กันมาก
ได้แก่ H2 และ O2 ซึ่งใช้กันในยานอวกาศ เพราะเชื้อเพลิงที่ใช้ยิงจรวด
เป็ นเชื้อเพลิงชนิ ดเดียวกัน เซลล์เชื้อเพลิง H2 - O2 แสดงในรูป ซึ่งแบ่ง
ได้เป็ นสามห้อง คือห้องทางซ้ายเป็ นทางเข้าของ H2 และห้องทางขวา
ซึ่งเป็ นทางเข้าของ O2 และห้องที่มีตำาแหน่ งอยู่กลางบรรจุอิเล็กโตรไลต์
ซึ่งเป็ นสารละลายเบส ห้องทัง้ สามแยกออกจากกันด้วยขัว้ ไฟฟ้ าที่มี
ลักษณะพรุน (porous electrode) ที่ทำาด้วยวัตถุตัวนำ า เช่น คาร์บอน
ผสมด้วยแพลตินัมเล็กน้ อย เพื่อทำาหน้ าที่เป็ นตัวเร่ง เมื่อป้ อน H2 และ
O2 เข้าทางห้องทางซ้ายและทางขวาพร้อมกัน แก๊สทัง้ สองจะแพร่ผ่าน
ไปยังขัว้ ไฟฟ้ า และทำาปฏิกิริยากับอิเล็กโตรไลต์ในห้องกลาง ออกซิเจน
ถูกรีดวิ ซ์ท่ีคาโทดเกิดเป็ น OH- ดังนี้
คาโทด O2(g)+2H2O(I)+4e- ------------------>4OH-(aq)
3.ภาพของเซลล์เชื้อเพลิง